1. คู่แข่งขัน และเวลา/สนาม

• ทีมเหย้า/ทีมเยือน: ทีมไหนได้เปรียบจากการเล่นในบ้าน? สถิติการเล่นในบ้าน vs นอกบ้านของทั้งสองทีมเป็นอย่างไร?
• เวลาเตะ: มีผลต่อความล้าของนักเตะหรือไม่? (เช่น เตะช่วงบ่ายในวันอากาศร้อนจัด)

2. อัตราต่อรอง

• ราคาแฮนดิแคป (Asian Handicap): ทีมไหนเป็นต่อเป็นรองเท่าไหร่? บ่งบอกถึงการประเมินความแข็งแกร่งของทีมจากบ่อน
• สูง-ต่ำ (Over/Under): บ่งบอกถึงแนวโน้มสกอร์รวมของเกมว่าน่าจะมากหรือน้อย
• ราคา 1X2 (Moneyline): ชนะ-เสมอ-แพ้ บ่งบอกถึงโอกาสที่บ่อนประเมิน
• การเคลื่อนไหวของราคา: ราคามีการขยับขึ้นลงหรือไม่? ถ้าขยับเร็วและมาก อาจมีข้อมูลวงในบางอย่าง

3. ฟอร์มการเล่นล่าสุด

• ผลงาน 5-10 นัดล่าสุด: ชนะ-เสมอ-แพ้ (W-D-L) สกอร์ที่ทำได้และเสียไป
• ฟอร์มในบ้าน/นอกบ้าน: สำคัญมาก เพราะบางทีมเล่นในบ้านแกร่ง แต่ไปเยือนแล้วอ่อนลง
• แนวโน้มฟอร์ม: ฟอร์มกำลังขึ้น หรือกำลังลง? มีการยิงประตูได้สม่ำเสมอ หรือเสียประตูง่าย?

4. สถิติการพบกันย้อนหลัง

• ผลการแข่งขันย้อนหลัง: ดูว่าใครเหนือกว่าใคร มักจะมี “ทีมแพ้ทาง” หรือ “ทีมชนะทาง” กันอยู่
• สกอร์สูง-ต่ำในเกมที่พบกัน: คู่บางคู่มักยิงกันเยอะ หรือบางคู่ก็เล่นกันเน้นรับจนสกอร์ต่ำ

5. ข่าวสารและสภาพความพร้อมของทีม

• นักเตะบาดเจ็บ/ติดโทษแบน: ผู้เล่นหลักที่ขาดไปมีผลต่อฟอร์มทีมแค่ไหน? ตำแหน่งนั้นมีตัวแทนที่ดีพอหรือไม่?
• ความฟิตของนักเตะ: เพิ่งผ่านเกมกลางสัปดาห์มาหรือไม่? มีอาการล้าหรือไม่?
• การปรับเปลี่ยนโค้ช/แทคติก: อาจส่งผลต่อฟอร์มทีมในระยะสั้น
• ปัญหานอกสนาม: ข่าวลือเรื่องเงินเดือน, ปัญหาภายในทีม

6. อันดับในตารางคะแนนและแรงจูงใจ 

• ลุ้นแชมป์/พื้นที่ยุโรป: ทีมหัวตารางมักมีแรงจูงใจสูง
• หนีตกชั้น: ทีมท้ายตารางมักจะสู้ตายเพื่อแต้ม
• เตะให้ครบตามโปรแกรม/ไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้ว: บางทีมที่อยู่กลางตาราง อาจเล่นแบบไม่มีแรงจูงใจมากนัก
• บอลถ้วย: หากมีเกมบอลถ้วยสำคัญรออยู่ อาจมีการโรเตชั่นผู้เล่นเพื่อพักตัวหลัก

ตารางบอลเป็นอีกหนนึ่งอย่างที่คนชอบดูบอลหรือนักพนันบอลต้องรู้เพราะมันจะช่วยให้คุณวางแผนในการลงทุนได้ถูกว่าควรจะเดิมพันกับคู่บอลไหนดี มีอัตราต่อรองที่เท่าไหร่นั้นเองส่วนใครที่อยากได้ทั้งเว็บดูบอลสดและแทงบอลได้ด้วยก็มาเป็นส่วนหนึ่งของเราได้เลย